วิธีดูแลเคสยาเสพติดที่มีอาการหลอน(psychotic)

วิธีดูแลเคสยาเสพติดที่มีอาการหลอน(psychotic) และหมกอยู่ในชุมชนฉบับหมอแฟมเมดคนหนึ่ง

prevalence : ในชุมชนที่ผมทำงาน บางหมู่บ้านใช้ยาบ้า บ้านเว้นบ้าน, หรือเวลา explore social คนไข้ ผมจะนึกในใจว่า “เจอ(คนในบ้านเสพยา)อีกแล้วหรอ”
feeling : สิ้นหวัง
เคยเจอกันใช่ไหมครับ admit มา 3 รอบ กลับมาเหมือนเดิมทุกรอบ
ถ้าใช่ คุณลองใช้แพ็กเกจนี้ดูครับ
1.Home Visit :
คุณต้องลงไปหาที่ๆเขาอยู่ครับ จะเรียก home visit, street visit หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณเข้าถึงตัวเขาได้ มันจะตัด barrier ที่ทำให้เขาเข้าถึงการรักษาไม่ได้ไปหนึ่งเรื่อง
ส่วนเรื่องที่คุณกลัวโดนปืนยิงสวนออกมา โดนมีดขว้างแสกหน้าผากกลับมา ตอนลงไปหาคนไข้มันมีกระบวนท่าครับ ให้คุณประสานคนที่เขาไว้ใจ เขาเคารพ (เช่น ผู้ใหญ่บ้าน) หรือคนที่เขากลัว (เช่น ตำรวจ ทหาร) ให้ไปประสานไว้ก่อน ถ้าหาไม่ได้จริงๆไม่ต้องลงครับ เดี๋ยวฟ้าดินเปิดทางสะดวกให้ค่อยลง ไปหาเคสอื่นที่หาได้ก่อน มีเยอะแยะ
คนเหล่านี้พอเจอคนที่เขาไว้ใจ เขาเคารพ หรือคนที่เขากลัว เขาจะติ๋ม แล้ว scene มันจะ safe พอให้คุณลงไปประชิดตัวเขาได้
และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไม น้อง intern ถึง discharge คนไข้กลุ่มนี้ที่ ER เพราะพวกเขาดูติ๋มมากที่ ER พูดรู้เรื่องทุกอย่าง รับปากทุกอย่าง แต่พอ discharge กลับไปก็ทำร้ายคนในครอบครัวเหมือนเดิม คุณนึกออกไหม กว่าแม่ตัวเองจะแจ้งตำรวจมาจับลูกที่หลอนหิ้วไปรพ. ใจแม่มันแหลกสลายแค่ไหน มัน trauma แค่ไหน แล้วพอจับไป ER แล้วถูกส่งกลับมาบ้านวันนั้นเลยและอาการเหมือนเดิม ครอบครัวเขาก็เรียนรู้ว่าแล้วว่าแล้วกุจะส่งไปทำเหี้ยอะไรวะ
=========================
2.ใช้ Long acting antipsychotics (LAI) :
คุณจำไว้เลยว่าคนกลุ่มนี้เขาไม่กินยาเม็ด (คนละกลุ่มกับเคสที่ walk-in ไปรพ.ได้) อย่าไปมีความหวังว่าเขาจะกิน เขาหลอนอยู่เขาจะกินได้ยังไง และคนรอบตัวเขาก็ไม่มีใครไปบังคับเขากินยาได้เพราะเขาอาละวาดขนาดนั้น
ผมขอสรุปว่า ***LAI มันคือ 1st line drug ของคนกลุ่มนี้***
ฉีดเดือนละครั้ง ยาค่อยๆซึมออกฤทธิ์ คุณไม่ต้องห่วงเรื่องกินยาอีกเลย
paper บอก LAI response 80%
แต่คนไข้ผม ถ้านับว่า psychotic ลดลงจนอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างสงบคือ 90% !!!
หลายเคสคือ very very very well response เข็มเดียวรู้เรื่อง จากเดือนที่แล้วคว้ามีดจะปาดคอแม่ โดนไป 1 เข็มคือเดือนนี้ยืนขายก๋วยเตี๋ยวกับแม่เป็นพรีเซนเตอร์ให้เราได้เลย ชุมชนอ้าปากค้างนึกว่าเราได้ยามาจากนอกโลก !!!
ชื่อยาที่มีในบัตรทอง : Haloperidol Decanoate, Fendec, Fluanxol
ที่สำคัญ คุณไม่ต้องขอ consent ในการฉีดยา เพราะพรบ.สุขภาพจิตเขาบังคับรักษาคนไข้กลุ่มนี้ เราฉีดกันเยอะจนตอนนี้พยาบาลทีมเราพัฒนา skill ที่สามารถชวนคุยเรื่องที่หลอนไปฉีดยาไปได้แล้ว !!!
เทคนิคการสนทนาก่อนฉีด – ถ้า insight ดี ผมชอบบอกไปตรงๆเลยว่าฉีดแล้วหูไม่แว่ว หลับได้ ทำงานได้ ไม่หงุดหงิด ดูก่อนว่าเขารู้สึกว่าอะไรเป็นปัญหา แล้ว psychoed ล้อตามไป ส่วนคนที่ poor insight หรือหลอนก็ บอกว่าฉีดวัคซีนหรือฉีดยาอะไรก็ได้ตามที่เค้า concern ครับ พอหายหลอนตอนมา f/u ค่อย psychoed
อย่าไปล็อกนะครับ ผมรู้ว่าในหัวคุณมีแต่ล็อกแล้วจับฉีด Hadol นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลครับ กรุณาใช้วิธีแบบสันติ เพราะผมเคยลองล็อกคนไข้ที่บ้านแล้ว คนไข้บอกถ้าครั้งหน้ามาอีกจะเอาปืนมายิง !!!
สิ่งที่ผมรับไม่ได้หลังฉีดยาคือถ้าคนไข้มี side effect เพราะมันเสีย relationship ดังนั้นคุณยัด Artane ใส่มือคนไข้(หรือญาติไว้เลย) ตอนนี้เขาไม่กิน แต่ถ้ามี EPS เขากินแน่ สุดท้ายคุณอย่าลืมบอกว่าหลังฉีดจะง่วง 1wk เขาจะได้เตรียมใจว่าต้องนอนพักผ่อนยาวๆ (คิดว่าง่วงจาก amphetamine withdrawal เป็นหลัก)
========================
3.Case Manager (CM) :
คุณต้องมี แก๊ง call center ของคุณเอง เอาไว้ tracking คนไข้ให้เกิด continuity care ให้ได้ ภาษาทางการเรียก Case Manager (CM) คุณหาคนนึงในทีมมาทำหน้าที่นี้ ก่อนทำ ให้เขาไปอบรม Case Manager ยาเสพติดออนไลน์ของกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ วันเดียวจบ !
คุณให้ CM คุณตามล่าคนไข้ไปจนสุดขอบฟ้า หาใครก็ได้บนโลกใบนี้ที่จะพาคนไข้มาหาเราที่ opd ให้ได้เมื่อถึงกำหนดฉีด LAI ในเดือนที่ 2
ถ้าไม่มาจริงๆ ให้คุณลงไปหาเขา ฉีดจนกว่าเขาจะมา ดูว่าคุณกับคนไข้ ใครจะแข็งกว่ากัน!!!
ลองฟอร์มทีมทำ 3 อย่างนี้ดูครับ แต่ขอเป็นทีมแบบ liberal นะครับ ถ้าคุณทะลึ่งฟอร์มทีม conservative คุณจะจบตั้งแต่ไม่มีใครฉีด LAI ให้คุณครับ
ถ้าติดขัดอะไร inbox มาครับ
==========================
เขียนเหมือนจะจบ แต่ยังไม่จบครับ
แล้ววันหนึ่ง คนไข้ที่คุณฉีดยาไป ก็มาหาคุณที่ OPD ตามนัด จะหลังจากลงไปฉีด 1, 2, 3 หรือ 12 เข็มก็แล้วแต่ (หลายคนขึ้นกับ trust) แต่วันที่เขามา คุณใช้ MI สิครับ จะรออะไร ขยี้ spiritual ให้แหลก ทำ change talk ให้ดังก้องกังวาลอยู่ในหัวเขาไปซัก 10นาที แล้วคุณจะพบว่าคนไข้กลุ่มนี้เขามีศักยภาพ บางคนเขาเก่งมากเขาเลิกได้เลย (แต่เดี๋ยวก็ relapse) หลายคนกลับไปทำงานทำการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้
ส่วนคนที่เลิกไม่ได้ เขาก็ลดได้ เขาคุมตัวเขาเองได้ อย่าไปบีบคั้นเขาให้เลิกมาก ไม่งั้นคุณจะเสียtrust แค่ลดได้แค่นี้เขาก็เก่งมากแล้ว แล้วถึงลดไม่ได้ ก็เก่งพอจะมา OPD ได้ล่ะวะ
เราอยากให้คนไข้ที่มา OPD ได้ทำ group แต่เราขี้เกียจ และไม่มีความรู้ ใครอยากทำ เชิญมาได้ พื้นที่มี เปียโนมี กีตาร์มี คุณมาทำ คุณมาถ่ายรูป เราอนุญาติให้คุณไป funding องค์กรคุณต่อได้ วินวินกันทุกฝ่าย
========================
ผมจะบอกความลับของจักรวาลให้อีกอย่าง มีวันนึง มีเสียงที่ไม่มีใครได้ยินมากระซิบผมว่า…
สาเหตุของฝุ่น PM2.5 มีสาเหตุโดยตรงมาจากคนใช้ยาบ้า !!!
คนไข้ผมหลายคนตอน psychotic เขาชอบจุดไฟ เผาบ้าน เผาขยะ เผาตลาด
ผมสัมภาษณ์เขาตอนหายหลอน เขาก็ยอมรับว่าเขาชอบมองไฟ มันน่าหลงใหล
พฤติกรรมนี้ถ้าเป็นตอนไม่ใช้สารเสพติด ใน DSM-V เขาเรียก Pyromania
แต่ถ้าเป็นตอนใช้ยาบ้ามันก็เป็น psychotic อันหนึ่งนั่นแหละ เป็นพฤติกรรมที่มาพร้อมกับ addicted brain และคนที่มีปัญหา impulsive control
ซึ่งผมเองก็เป็น ผมนึกว่าทุกคนชอบดูไฟ พึ่งรู้ไม่นานมานี้ว่าผมเป็นอยู่คนเดียว(กับคนไข้) แต่คุณไม่ต้องห่วงว่าผมจะจุดไฟเผารพ. เพราะผมไม่ได้ใช้ยาบ้า เคยแค่ขอคนไข้ดมเป็นวิทยาทานเฉยๆ กลิ่นมันเหมือนวานิลลาอ่ะ
ทีนี้คุณลองเซิช google … ว่า “ฝุ่น เผาป่า ยาบ้า” คุณเซิชเสร็จคุณจะอุทานว่าคุณพระช่วย
ไอ่ฝุ่นที่เราดราม่ากันมาหลายปีนี่มันเกิดจากคนไข้ยาบ้าหรอเนี่ย เห็นหรือยังว่าเรื่องนี้มันสำคัญแค่ไหน!? ถ้าผมปล่อยคนไข้ผมทั้งหมดไว้กลางป่าในภาคเหนือ และหยุดฉีด LAI ผมคิดว่าเขาจุดไฟเผาป่าได้ทั้งโลกแน่นอน !!!
by facebook : Jakkai Kasemmana

Comments are closed.